ลิเวอร์พูล กับความน่าจะเป็นในการชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก
จุดจบซีซั่นนี้ การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 นั้นทำให้ พรีเมียร์ลีก ต้องทำการเลื่อนการแข่งขันออกไป จนหลายฝ่ายเริ่มตั้งคำถามว่าจะเอายังไงกับบทสรุปของฤดูกาลนี้ ถ้าวิกฤตโรคร้ายกินระยะเวลายาวนานกว่าที่คาดการณ์กัน เราจึงลองคาดการณ์ความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดขึ้น ว่าท้ายที่สุดแล้ว จุดจบจะลงเอยอย่างไรได้บ้าง… ลองไปดูกัน
1. ยุติการแข่งขันแล้วตัดสินผลตามอันดับในปัจจุบัน
เดอะค็อป ทั่วโลกคงได้สมหวังกันสักทีเมื่อทีมรักสามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้อีกครั้ง หลังจากที่เคยคว้าแชมป์ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1990 หรือเมื่อ 30 ปีที่แล้ว แต่ก็มีข้อกังขาในประเด็นของทีมอื่น ๆ ทั้งที่กำลังลุ้นหนีตกชั้นรวมถึงการลุ้นพื้นที่ในการไปเล่นถ้วยยุโรป ดังนั้นมันคงไม่ยุติธรรมเท่าใดนักกับทีมเหล่านั้น ที่จะหยุดการนับคะแนนกันไว้ที่ตรงนี้แล้วแล้วตัดสินผลตามอันดับบนตาราง
2. แค่เลื่อนออกไปก่อน เหตุการณ์สงบค่อยมาแข่งกันใหม่จนจบฤดูกาล
ดูเหมือนว่าทางนี้จะเป็นทางออกในอุดมคติ แต่สิ่งที่เป็นอุดมคติมักเป็นจริงยากเสมอ ถ้าเอฟเอจะเลือกทางเลือกนี้ก็ต้องแก้ปัญหาการจัดโปรแกรมการแข่งขันที่ของเดิมแน่นมากๆอยู่แล้ว เพื่อที่จะทำการแข่งขันในฤดูกาลนี้จบลงให้ได้โดยที่โปรแกรมการที่เพิ่มขึ้นมาต้องกระทบกับตารางการแข่งขันในฤดูกาลอื่นให้น้อยที่สุด ถ้าทำได้ตามนี้ไม่ว่าผลสุดท้ายจะจบลงอย่างไรก็คงจะไร้ข้อกังขาอย่างแน่นอน
3. ยกประโยชน์ แต่ไม่ให้โทษ
หมายความว่า ยกแชมป์ให้กับ ลิเวอร์พูล ไป ส่วนทีมที่อยู่ในโซนสีแดงไม่ต้องตกชั้น และให้ทีมที่ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นจาก แชมเปี้ยนชิพ เลื่อนชั้นขึ้นมาฟาดแข้งกันบนลีกสูงสุด แต่ข้อเสียของทางเลือกนี้ จะมีทีมใน พรีเมียร์ลีกเพิ่มขึ้นถึง 3 ทีม ส่งผลให้ตารางการแข่งขันในฤดูกาลหน้านั้นจะยิ่งแน่นขึ้นไป อีกทั้งจะมีปัญหาที่สิทธิในการไปเล่นถ้วยยุโรปที่ยังลุ้นกันอยู่หลายทีม ซึ่งหากจบแนวทางนี้ ก็จะยังมีทีมที่พลาดโอกาสทำคะแนนเพื่อคว้าตั๋วไปเล่นทั้ง ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และ ยูโรปา ลีก และนั่นหมายถึงการสูญเสียผลประโยชน์และรายได้มหาศาลของทีมเหล่านั้นอีกด้วย
4. โมฆะไปเลย
เมื่อทางเลือกหลายๆทางดังกล่าวมันยากที่จะตัดสินใจ ก็จัดการให้มันเป็นโมฆะไปเลย ! ถ้าหวยออกมาแบบนี้จริงๆ ทีมที่ต้องยกมือค้านคงหนีไม่พ้น ลิเวอร์พูล เป็นแน่ เพราะจากคะแนนตามตารางล่าสุดก็ไม่น่าจะมีใครไล่ตามพวกเขาทันอยู่แล้ว เพราะงั้นทางเลือกนี้ดูจะไม่ยุติธรรมกับสาวก เดอะ เร้ดแมทชีน เอาเสียเลย
5. ให้ทุกทีมทำการโหวต
หมายความว่า เอฟเอแจ้งทุกทีมว่ามีทางเลือกอะไรบ้าง แล้วให้แต่ละทีมทำการโหวตทางเลือกที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุด เมื่อทำการนับคะแนนเรียบร้อย ทางเลือกที่มีคนเลือกมากที่สุดก็จะเป็นทางออกของปัญหานี้ ในเมื่อเราอยู่ในสังคมประชาธิปไตย การหาทางออกด้วยวิธีนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นวิธีที่ดีอีกหนึ่งวิธีเช่นเดียวกัน แต่แน่นอนว่ามันยังคงต้องมีคนที่ได้ผลดี และมีคนที่เสียประโยชน์จากการโหวดครั้งนี้อย่างแน่นอน
ริโอ เฟอร์ดินานด์ ตำนานกองหลังทีมชาติอังกฤษ ร่วมโหนกระแสแนะนำให้พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ โมฆะไปเลย แม้จะทำให้ลิเวอร์พูลต้องชวดแชมป์ลีกที่รอคอยมานาน 30 ปี ไม่ใช่เพราะตนเป็นเด็กเก่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่เพราะเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของผู้คนมากกว่า สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ยังคงแพร่กระจายไปทั่วโลก ทำให้วงการกีฬาจำเป็นต้องหยุดพักการแข่งขันชั่วคราว เช่นเดียวกับเกมลีกเมืองผู้ดีที่ต้องหยุดเล่นจนกระทั่งถึงวันที่ 30 เมษายน เป็นอย่างน้อย แต่ล่าสุดมีรายงานว่า พรีเมียร์ลีก, ฟุตบอลลีก และสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) กำลังพิจารณาที่จะให้เกมฟุตบอล กลับมาลงแข่งในวันที่ 1 มิ.ย.ในเวลานี้วิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัส มรณะยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทำให้ยังไม่มีความแน่นอนว่าโปรแกรมลีกที่เหลืออยู่จะกลับมาแข่งได้จบหรือไม่ และลิเวอร์พูลจะแชมป์ลีกหรือเปล่า เพราะตอนนี้พวกเขานำห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 25 แต้ม และต้องการชัยชนะแค่ 2 เกมก็เพียงพอที่จะยุติ 30 ปีที่รอคอยแชมป์ลีก อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมามีทั้งกระแสยกแชมป์ให้หงส์แดง เนื่องจากทำผลงานได้อย่างสุดยอด ขนาด เวย์น รูนีย์ ตำนานหัวหอกเอฟเวอร์ตัน และแมนฯ ยูไนเต็ด ยังเชื่อว่าลิเวอร์พูลสมควรคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่บางกระแสก็อยากให้ทุกอย่างโมฆะ ล่าสุด เฟอร์ดินานด์ ออกมาแสดงความเห็นที่อาจทำให้สาวก เดอะ ค็อป เคืองใจว่า “ผมคิดว่าพรีเมียร์ลีกควรจะโมฆะ ผมรู้ว่ามันอาจจะทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูลจำนวนมากพูดว่า ‘โอ้ว ริโอ มันก็เพราะคุณหนุนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และนี่คือลิเวอร์พูล’ มันไม่ใช่แบบนั้น ที่พูดแบบนี้เพราะผมมองไม่เห็นทางที่เราจะแข่งจนจบ สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ก็เเค่นั้นเเหละ”
พรีเมียร์ลีก ตัดสินใจหยุดแข่งเช่นเดียวลีกชั้นนำในทวีปยุโรป หลังจากที่ มิเกล อาร์เตตา กุนซือ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล และ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ตัวรุก “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี โดนพิษโควิด-19 เล่นงานไปแล้ว ขณะที่โค้ชหรือนักเตะของสโมสรอื่นๆ ก็มีภาวะสุ่มเสี่ยงที่จะติดโรคดังกล่าวอีกหลายคน
ล่าสุด เจมี เรดแนปป์ ออกมากล่าวว่า “ผมรู้สึกว่าการตัดจบ พรีเมียร์ลีก มันเป็นอะไรที่ไม่ยุติธรรมสำหรับผม และก็ไม่ควรที่จะให้ฤดูกาลนี้มันเป็นโมฆะ แม้ว่ามันอาจจะกินเวลายืดเยื้อไปทับกับฤดูกาลหน้า แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าเราควรหาทางแข่งต่อให้จบถ้าหากมันเป็นไปได้ในอีก 9 นัดที่เหลือ แม้ทาง ยูฟ่า จะออกมาบอกว่า อยากให้แข่งเสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2020 ในวงเล็บที่ว่าถ้าหากสถานการณ์ดีขึ้น แต่แนวโน้มตอนนี้มันยังยากมากๆ ถ้าสมมติตัดจบให้ ลิเวอร์พูล เป็นแชมป์ลีก และให้ บอร์นมัธ, นอริช ซิตี้ และแอสตัน วิลลา ที่ต้องตกชั้น คุณลองนึกดูสิว่ามันจะเกิดคดีฟ้องร้องกันมั้ย? รวมถึงโควตาฟุตบอลยุโรปอีก ถ้าแบบนั้นมันคงวุ่นวายน่าดู นับจากนี้อีก 6 เดือน หรือ 1 ปี ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ ผู้คนยังป่วยกันอยู่แบบนี้ ผมคิดว่าโอกาสที่จะให้แข่งให้จบมันก็คงยาก มันต้องใช้การตัดสินใจที่ละเอียดอ่อนมาก แต่ถ้าถามมุมมองของผมคนเดียว ผมก็ยังอยากให้แข่งต่อจนจบ” จุดจบซีซั่นนี้